เตรียมจิตใจสำหรับลดน้ำหนัก

จากผลวิจัยของ Columbia University's Mailman School of Public Health พบว่า คนที่มีทัศนคติในแง่ลบเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง และยิ่งพยายามที่จะลดน้ำหนักมากเท่าไหร่ ก็จะมีการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกหลัก หรือ ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ยิ่งอยากลดเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดไม่ลง ทางที่ดีคือ ควรปรับทัศนคติเกี่ยวกับรูปร่างให้เป็นบวกและ รักตัวเองไม่ว่าหุ่นจะเป็นอย่างไร นอกจากนั้น แทนที่จะมุ่งมั่นที่จะผอม ควรจะมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสมดุลและ สุขภาพดีนะคะ ดังนั้น เราจึงมีเคล็ดลับการรักรูปร่างของตัวเองมาแนะนำ ที่ดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและ จิตใจของคุณค่ะ...


1. อย่าเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น จะทำให้คุณเองรู้สึกแย่ เพราะคุณจะเกิดคำถามว่า เขาทำอย่างไรถึงหุ่นดี ซึ่งจริงๆแล้ว การที่คุณน้ำหนักมากกว่าผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า คุณอ้วนซักหน่อย ค่านิยมของสังคมในปัจจุบัน การมี “หุ่นที่ดี” นั้นต้องผอมเหมือนนางแบบ ค่านิยมนี้ทำให้คุณรู้สึกแย่กับตนเอง แต่คุณรู้มั้ยว่า แม้กระทั่งผู้หญิงที่ผอมมากๆเหมือนนางแบบหลายๆคน ก็ยังไม่พอใจกับหุ่นของตนเอง สรุป คือ คนที่คุณอาจจะอิจฉาในหุ่นที่ดี ก็อาจจะไม่ได้มีความสุขไปมากกว่าคุณนัก ดังนั้น หันมาใช้ชีวิตที่ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นและ มุ่งกับการรักตัวเองดีกว่าค่ะ


2. มองหาข้อดีของตัวเอง แทนการติจุกๆจิกๆ เกี่ยวกับรูปร่างของคุณ หรือการที่คุณยั้งปากไม่อยู่ คุณควรพยายามคิดในแง่บวกและ มองหาข้อดีของคุณ เช่น คุณเป็นคนใจดี, ชอบเอาใจใส่ผู้อื่น, เรียนดี หรือ มีครอบครัวที่ดี และ ควรคิดถึงพรสวรรค์หรือ ความสามารถพิเศษที่คุณมีมากกว่าคนอื่นๆด้วย


3. ฝึกที่จะรับคำชมเชย หลายคนอยากที่จะดูดี ดูสวยจนใครๆ ต้องหยุดและ ชมคุณ แต่เมื่อมีคนชมว่า คุณดูดีมากในชุดนี้ ทำไมคุณถึงมักจะปฎิเสธหรือ ไม่ยอมรับมันล่ะคะ? คุ้นมั้ยคะกับคำพูดประมาณว่า “ไม่หรอก ไม่เห็นจะสวยอะไรเลย หลอกชมรึเปล่าเนี่ย?” เราขอแนะนำว่า อย่าอายค่ะ! ไม่ต้องถ่อมตน ไม่ต้องปฏิเสธ รับคำชมด้วยรอยยิ้ม และ กล่าวคำว่า “ขอบคุณ” เมื่อได้รับคำชมดีกว่าค่ะ


4. พูดถึงข้อดีของตัวเองและ คนอื่น คุณเคยสำรวจตัวเองบ้างมั้ยคะว่า คุณเป็นที่เคยยอมรับและ พูดถึงข้อดีของตัวเองบ้างมั้ย และคุณเป็นคนพูดให้กำลังใจคนเก่งหรือไม่ ถ้าคุณตอบดังกล่าวว่า “ไม่” นั่นแสดงว่า คุณเป็นคนมองโลกในแง่ลบ การมองโลกในแง่ลบทำให้คุณเป็นคนที่ไม่น่าคบนะคะ ลองเปลี่ยนวิธีการมองโลกและ การกระทำต่อตัวเองและ ผู้อื่น อาทิเช่น การพูดวิพากวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นตัวคุณเองหรือผู้อื่น ควรเปลี่ยนเป็นการให้กำลังใจและ ชมเชยในสิ่งที่ได้พยายามทำไปแล้ว เมื่อคุณเปลี่ยนได้ คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่เลยค่ะ


5. การยืนยันกับตัวเอง ต่อจากการคิดและ พูดสิ่งดีๆ เราอยากให้คุณยืนยันสิ่งเหล่านั้นเพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับรูปร่างของคุณ โดยการหาส่วนที่คุณชอบในร่างกายของคุณ แล้วบอกกับตัวเองซ้ำๆ เช่น เมื่อมองตัวเองที่กระจกทุกครั้งในตอนเช้า คุณอาจจะพูดกับตัวเองว่า “ ฉันชอบผมที่ทั้งนุ่ม ทั้งเงาและ ดวงตาหมวยๆ รวยเสน่ห์ของฉัน” คุณควรจะพูดอย่างนี้กับตัวเองบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อในสิ่งที่พูด ถึงแม้ว่า อาจจะรู้สึกเหมือนหลอกตัวเองไปบ้าง แต่ผ่านไปสักระยะ คุณก็จะเชื่อและ ยอมรับว่า สิ่งที่พูดไปนั้นมันเป็นความจริง คุณก็จะค่อยๆพอใจในร่างกายของคุณค่ะ


6. หัดชมเชยรูปร่างของผู้อื่น การที่คุณจะสามารถรักรูปร่างของตัวเอง (ที่อาจจะไม่ผอมแห้งตามค่านิยมของสังคม)ให้ได้นั้น จะไม่มีทางสำเร็จ หากคุณยังใช้ค่านิยมของสังคมเป็นเกณฑ์ในการวัดรูปร่างผู้หญิงคนอื่น เพราะมันแสดงให้เห็นว่า คุณยังถูกครอบงำโดยค่านิยมนั้น ดังนั้น คุณ ต้องหัดปลดปล่อยตัวเองจากค่านิยมที่เหล่าแฟชั่น ดีไซเนอร์ได้ตั้งเอาไว้และ มองหาข้อดีในรูปร่างผู้อื่น พร้อมชมเขาด้วยความจริงใจนะคะ


7. อย่าคิดฟุ้งซ่าน คุณเคยพูดประโยคเหล่านี้กับตัวเองหรือเปล่า “ถ้าฉันผอมลง 10 กิโล, ฉันจะมีความสุข” คุณต้องหยุดความคิดเหล่านี้ เพราะมันเป็นความคิดเพ้อเจ้อ พยายามหาความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันดีกว่า ถึงแม้ว่าบางครั้งความสนใจจากผู้อื่นอาจจะมาจากรูปร่าง แต่นั่นก็อาจจะมาจากรอยยิ้มหรือ รูปร่างหน้าตาโดยรวมไม่ใช่เพียงความเล็กของขาของคุณ และเสน่ห์ที่แท้จริงของผู้หญิงมาจากความร่าเริง การมีชีวิตชีวาที่แสดงออกมาหรือ การเป็นมีคนอารมณ์ขันมากกว่ารูปร่างหน้าตานะคะ


8. สร้างทัศนคติที่ดีกับอาหาร ความรู้สึกกลัวอาหาร มันจะทำให้คุณมีแต่จะรู้สึกว่า อาหารที่กินเข้าไปมันจะทำให้คุณอ้วน ในทางตรงกันข้าม มันอาจจะทำให้คุณทานมากกว่าที่ควรด้วยซ้ำ เพราะการที่คุณมีความรู้สึกแบบนี้ระหว่างการกิน จะทำให้คุณทานเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่มอร่อยหนำใจเสียที การรักษาความรู้สึกนี้สามารถทำได้โดยการเริ่มต้นจากการเลือกรับประทานอาหาร ที่ไม่อ้วน และมีคุณค่าทางสารอาหารสูง นั่งอยู่ในห้องเงียบๆ เพื่อที่จะให้ทุกประสาทสัมผัสของคุณได้ลิ้มรสถึงรูป รส และกลิ่นของอาหาร โดยที่คุณต้องพยายามหยุดคิดในแง่ลบที่จะเกิดขึ้นในขณะทานอาหาร คุณ ต้องคิดในแง่บวกแทนว่า นี่ฉันกำลังนำสารอาหารที่มีประโยชน์มาบำรุงร่างกายอยู่นะ เพื่อที่คุณจะได้มีความสุขในการกินและ รับรู้ว่ากินเท่าไหร่คือพอแล้ว


9. การเคลื่อนไหวร่างกาย ร่างกายคนเราถูกออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหว เช่น เดิน, วิ่ง, กระโดด, เต้น และกิจกรรมอื่นๆ โยคะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการออกกำลังกายในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะไม่มีการแข่งขันและ ยังเป็นการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง ช่วยให้ผ่อนคลายและดีต่อร่างกาย ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบการออกกำลังกายที่เป็นแบบแผน หรือ เกลียดการออกกำลังกายในยิม การเดินก็ช่วยให้รู้สึกสบายและ ก็ไม่มีการแข่งขันเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ


10. ความเอื้อมมือขอความช่วยเหลือ การหยุดทัศนคติในแง่ลบต่อรูปร่างเป็นเรื่องยาก เพราะมันมักจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่อยครั้งที่คุณเริ่มรู้สึกตะหงิดๆว่า ควรไปพบผู้บำบัดโรคทางจิตวิทยาหรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อรักษา แต่คุณก็อาจจะปลอบตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอก ใครๆก็กลัวอ้วน ปกติจะตาย เราอยากให้คุณถามตัวเองอย่างซื่อสัตย์นะคะว่า คุณมีทัศนคติที่เป็นลบต่อร่างกายตัวเองมากขนาดไหน ไม่อยากมองตัวเองทุกครั้งที่มองกระจกมั้ย? และคิดเรื่องไดเอท เรื่องอาหารถี่ขนาดไหนต่อวัน? นอกจากนั้น หาก คุณ มีอาการติดยาถ่าย ชอบลองอาหารเสริมที่บอกว่าจะทำให้ผอมได้ชัวร์ คุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับทัศนคติต่อรูปร่าง ตัวเองและ ต่ออาหารนะคะ

0 comments: