ทุกอย่างที่ผู้หญิงควรรู้เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์

ระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงนับว่ามีความสลับซับซ้อนแตกต่างจากผู้ชายมาก ความสลับซับซ้อนนี้เองเป็นกลไกทางธรรมชาติที่สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่สำคัญอันยิ่งใหญ่ของการให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ขึ้นมาในโลก ความสลับซ้อนของระบบสืบพันธุ์ในผู้หญิงถึงแม้จะยุ่งยากเท่าไหร่ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร หากอวัยวะต่างๆ ยังคงทำงานไปตามปกติ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจมีตัวอย่างให้เห็นบ่อยๆ ในเรื่องของอาการปวดประจำเดือน ซึ่งบางคนมีอาการปวดรุนแรงถึงกับทำงานไม่ได้ ต้องเสียเวลาไปพบแพทย์กันเลยทีเดียว อาการหรือโรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ที่ผู้หญิงที่อาจพบได้บ่อย เช่น


อาการปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน(Dysmenorrhea)

หากคุณเป็นอีกคนที่มักไม่สบายตัวเสมอเมื่อถึงวันนั้นของเดือน ก็คงเป็นเรื่องไม่แปลกนัก เพราะกว่าครึ่งของผู้หญิงที่อยู่ในวัยมีประจำเดือนมักเกิดอาการปวดเนื้อเมื่อยตัวโดยเฉพาะปวดบริเวณท้องน้อย หรือเป็นตะคริว ซึ่งมักเป็นมากในช่วงวันแรกหรือตลอดช่วงเวลามีประจำเดือนเลยก็ได้ บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย อาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนส่วนใหญ่ปวดไม่มาก แต่ชวนให้หงุดหงิด ซึ่งถือเป็นปกติ ยกเว้นรายที่มีอาการปวดมาก อาจต้องให้กินยาแก้ปวดหรือประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อน มักพบอาการปวดประจำเดือนมากที่สุดในช่วงอายุ15-25 ปี หลังจากวัยนี้อาการจะค่อย ๆ ลดลง มีส่วนน้อยที่ยังคงมีอาการตลอดไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน การปวดประจำเดือนแบบนี้ไม่ได้มีความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่แต่อย่างใด ปัจจุบันเชื่อว่า มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในระหว่างมีประจำเดือนและมีการหลั่งสารโพรสตาแกลนดิน(Prostaglandins)ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้มดลูกมีการบีบเกร็งตัวระหว่างที่มีประจำเดือน ทำให้มีอาการปวดบริเวณท้องน้อยอาการปวดอีกระดับหนึ่งที่มักรุนแรงกว่าแบบแรก ซึ่งมักมีสาเหตุจากความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่เช่น เยื่อบุผิวมดลูกเจริญผิดที่ หรือ Endometriosis(เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด)ปีกมดลูกอักเสบ เนื้องอกในมดลูก มดลูกย้อยไปด้านหลังมากเป็นต้น ซึ่งมักมีอาการปวดในอายุมากกว่า25ปีขึ้นไป หรือไม่เคยปวดแบบรุนแรงมาก่อน ดังนั้นหากคุณปวดท้องน้อยมากๆ จนทนแทบไม่ได้เกือบทุกเดือนหรือยังคงปวดเสมอแม้อายุมากขึ้นก็อย่าได้นิ่งนอนใจ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ทันที


เนื้องอกของมดลูก (Myoma uteri)

เนื้องอกของมดลูกเป็นเนื้อมดลูกที่เจริญเติบโตมากผิดปกติ จนแทรกเข้าไปในตัวมดลูกที่ปกติ ทำให้มดลูกทั้งอันโตขึ้นเป็นเนื้องอกหรือโตเป็นก้อนแยกต่างหากจากตัวมดลูกที่ปกติซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ชนิดชนิดแรกคือเนื้องอกชนิดธรรมดาซึ่งพบได้บ่อยชนิดที่สองคือมะเร็งของตัวมดลูกเองที่พบได้บ่อยคือมะเร็งปากมดลูก เนื้องอกของมดลูกชนิดธรรมดา พบได้ประมาณ 10-15%ของผู้หญิงวัย35ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่ามีเนื้องอกของมดลูก ทั้งนี้เพราะถ้าก้อนยังเล็กจะยังไม่มีอาการอะไร ถ้าก้อนขนาดโตมักมีเลือดออกมากหรือกะปริดกะปรอย แต่มักมีอาการปวดประจำเดือนร่วมด้วย หรือปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย บางคนอาจมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย ถ้าก้อนโตมากอาจคลำพบได้ที่บริเวณท้องน้อย สำหรับเนื้องอกของมดลูกชนิดเนื้อร้ายหรือมะเร็งนั้น มักมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีเลือดออกในหญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อสงสัยว่าเป็นเนื้องอกของมดลูกควรพบแพทย์เพื่อรับการการวินิจฉัยที่ถูกต้อง


ตกขาว(Leucorrhea)

ตามปกติแล้วผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวหรือมีน้ำออกมาจากช่องคลอดได้บ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกึ่งกลางรอบเดือนซึ่งเป็นระยะที่มีการตกไข่ อาการตกขาวปกติจะมีลักษณะเป็นมูกใสหรือมีสีขาวคล้ายแป้งเปียก แต่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสีและไม่มีอาการคันเกิดจากการขับน้ำเมือก ซึ่งสร้างออกมาหล่อเลี้ยงระบบสืบพันธุ์ ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่ถ้าเป็นติดต่อกันนานเกิน2สัปดาห์ หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีสีออกเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว หรือมีอาการคันบริเวณช่องคลอด อาจมีสาเหตุจากการความผิดปกติภายในช่องคลอด หรือมีการติดเชื้อต่างๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ


เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis)

โดยปกติเยื่อบุที่อยู่บนผิวในของโพรงมดลูกจะเจริญหนาตัวและมีเลือดคั่ง จากนั้นจะสลายตัวเป็นเลือดประจำเดือนทุกๆ เดือน ในผู้หญิงบางรายจะมีเลือดประจำเดือนหรือเศษของเยื่อบุโพรงมดลูกส่วนหนึ่งไหลกลับเข้าไปในช่องท้อง เลือดประจำเดือนที่ไหลเข้าสู่ช่องท้องก็จะนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกไปด้วยซึ่งปกติตัวเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก ควรจะอยู่เฉพาะภายในโพรงมดลูกเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวเยื่อบุโพรงมดลูกนี้กระจายออกนอกตัวโพรงมดลูกไปเกาะอยู่ที่ใดก็ตามก็จะเรียกว่า เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ เอ็นโดเมทริโอซิส(endometriosis) ทุกๆ เดือนเศษเนื้อเยื่อบุผิวมดลูกที่เจริญผิดที่เหล่านี้จะมีเลือดออกเช่นเดียวกับส่วนที่อยู่ที่ผิวในของมดลูก แต่เนื่องจากมันฝังอยู่ในเนื้อเยื่อ เลือดจึงคั่งอยู่ภายในและทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบและกลายเป็นถุงซีสต์ซึ่งมีของเหลวอยู่ภายในมีสีคล้ายช็อกโกแลต หรือทีเรียกว่า ช็อกโกแลตซีสต์(chocolate cyst) โรคนี้พบในหญิงในวัยที่มีประจำเดือน อายุระหว่าง 30-40ปี และพบมากในผู้หญิงที่ไม่มีบุตรหรือมีบุตรยากซึ่งแต่งงานเกิน1ปี มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอแต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เอง ผู้หญิงที่เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะมีอาการปวดท้องมากเวลาที่มีประจำเดือน ซึ่งลักษณะอาการปวด คือ มีอาการปวดอย่างรุนแรงและจะปวดมากขึ้นมากขึ้นทุกเดือนเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนมากไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่ภาวะนี้มักเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีบุตรยากซึ่งวิธีการรักษาในปัจจุบันมีทั้งแบบการใช้ยาเพื่อให้อยู่ในภาวะไม่มีประจำเดือน ส่วนน้อยอาจรุนแรงจนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือใช้ทั้งยาและการผ่าตัดร่วมกัน

0 comments: