ความชราภาพคือะไร?(What is Aging?)

http://www.topnews.in/files/aging222.jpg

เปิดประเด็นมาที่เรื่องของความแก่(Aging)ความชราภาพ(Senescence)ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายคงออกอาการสะดุ้งโหยงกันเป็นแถว ครั้นถูกถามถึงอายุอานามเข้า ก็อาจมีคำตอบว่า สามสิบกว่าบ้าง สามสิบปลายๆ บ้าง หรือไม่ก็คำตอบยอดฮิตอย่าง อายุเป็นเพียงตัวเลขจ๊ะ และจริงๆ อายุก็คงจะเป็นตัวเลขอย่างที่หลายๆ คนว่ากันไว้ เพราะเหตุผลอะไรเดี๋ยวมาดูกัน

เมื่อไม่นานมานี้มีนักวิจัยได้ศึกษาการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของคนกลุ่มหนึ่งแบบระยะยาว(Longitudinal Study of Aging) โดยมีตัวแปรที่แตกต่างกัน คือ เรื่องของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอารมณ์อันแจ่มใส แน่นอนว่า ผู้ที่มีอารมณ์ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีก็ย่อมจะคงความอ่อนเยาว์ได้นานกว่าผู้ที่มีแต่ความเครียด อารมณ์บูดบึ้งอยู่เสมอ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากขึ้นก็คือ กลุ่มคนนี้มีผลการทำงานของหัวใจเทียบเท่าผู้ใหญ่ในวัย40ทั้งที่อายุจริงนั้นปาเข้าไป60กว่าแล้ว ดังนั้นผลสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้ก็คือ ทั้งเรื่องของความแก่และความชราภาพของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายนั้นต้องมีความสัมพันธุ์โดยตรงกับวิถีทางในการดำเนินชีวิตเป็นแน่แท้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า อะไรทำให้เราดูแก่เกินวัยเหลือเกิน

1. The Free Radical Theory ว่ากันว่าความแก่หรือความเสื่อมของร่างกายเป็นผลพวงมาจากกระบวนการเผาผลาญ สันดาปหรือกระบวนการทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในร่างกายนั่นเอง ซึ่งจะมีการผลิตหรือปล่อยสารที่เรียกว่า อนุมูลอิสระ (Free radical) อยู่ตลอดเวลา สารเหล่านี้ถ้าหากปล่อยไว้หรือมีจำนวนมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้จะทำให้ เกิดการทำลายเนื้อเยื่อตนเอง ส่งผลให้ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายลดลงเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อมีอายุมากขึ้นความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระก็ยิ่งลดลง ส่งผลให้ร่างกายแก่ก่อนวัยอันควร

2.พันธุกรรมเรื่องนี้คงไม่ต้องไปกังวลอะไรมากนัก ปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ หากคุณเกิดมาพร้อมกับใบหน้าสวยใส จงคิดว่านั่นคือของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้คุณเป็นพิเศษ คุณอาจจะดูแลตัวเองให้ดี ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนทั้ง5หมู่ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยชะลอความแก่ชราได้เป็นอย่างดี

3.พฤติกรรมการบริโภคคำกล่าวที่ว่า “You are What you eat” นั้นก็คงจะใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เพราะสิ่งที่คุณรับประทานเข้าไปนั้นจะเป็นตัวสะท้อนถึงความมีสุขภาพที่ดีในภายภาคหน้า สำหรับบรรดาอาหารที่เร่งให้เกิดความแก่ชรานั้นคงหนีไม่พ้น อาหารไขมันสูงโดยเฉพาะอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงซึ่งมักพบได้ในไขมันสัตว์ หรือ น้ำมันพืชแต่มีการใช้ทอดอาหารซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้ง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ น้ำมันเหล่านี้เต็มไปด้วยอนุมูลอิสระ(Free Radicals) ที่สามารถเร่งให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ ของร่างกายเสื่อมโทรมเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ก็จะมีตัวเร่งความแก่ชราที่อาจมาจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่จัด การดื่มสุราเป็นประจำ หรือการรับประทานของหมักดองหรืออาหารที่มีการปนเปื้อนสารพิษเป็นต้น

ปัจจัยจากการบริโภคนั้นถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดย ตรงต่อความมีสุขภาพดีและอายุยืนนาน เนื่องจากมีงานวิจัยที่ศึกษาความมีสุขภาพดีและการมีอายุยืนนานของชาวญี่ปุ่น ที่เติบโตในสภาพแวดล้อมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมกับที่เติบโตในแถบอเมริกา ผลการศึกษาพบว่า ชาวญี่ปุ่นที่ถูกเลี้ยงดูแบบสังคมตะวันตกมีรูปแบบของช่วงอายุขัยและอัตราการ เกิดมะเร็งเต้านมแตกต่างจากชาวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้การบริโภคของชาวญี่ปุ่น อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เต้าหู้ ธัญพืช และเนื้อปลาทะเลจึงน่าจะมีความสัมพันธุ์โดยตรงกับการป้องกันการเกิดโรคร้าย แรงต่างๆ

4.ภาวะทางอารมณ์และความเครียดก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความแก่ชรา เมื่อใดก็ตามที่มีความเครียด หรืออารมณ์บูดบึ้งเศร้าหมอง ระบบประสาทอัตโนมัติในร่างกายก็พร้อมที่จะหลั่งสารสื่อประสาทและฮอร์โมนต่างๆ ออกมารับมือกับความเครียด ผลที่เกิดขึ้นคือ นอกเหนือจากใบหน้าทื่ไม่อาจเก็บอารมณ์อันแสนจะหงุดหงิดต่อไปได้อีก คุณยังอาจได้รับของแถมชั้นดีอย่างเช่นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งความทรุดโทรมของร่างกายและความชราก่อนวัยที่อาจจะมาเยือนคุณอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ หากคุณเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ที่แจ่มใส จิตใจเบิกบาน และหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขได้ทุกครั้ง จงรู้ตัวเถอะว่า คุณมีอาวุธสำคัญที่จะช่วยป้องกันความแก่ชรามากกว่าคนอื่นหลายเท่าแล้ว ที่เหลือก็คือ การดูแลตัวเองให้ได้อย่างที่เรากล่าวไว้ข้างต้นเพื่อสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนนานนั่นเอง


Reference: Robert E. Ricklefs, Caleb E. Finch, AGING, A natural history of Life Span,Scientific American Library2002

0 comments: